อาหารและเครื่องดื่ม 9 ชนิดที่ทำร้ายสุขภาพฟัน

ในปัจจุบันหลายคนเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการออกกำลังกาย หรือการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งหลายคนมักจะกังวล และให้ความสำคัญในเรื่องของกิโลแคลอรีที่จะมีผลโดยตรงต่อน้ำหนัก รูปร่าง และเป็นสาเหตุนำไปสู่โรคอ้วนที่ใครๆ หลายคนกลัว

‘สุขภาพฟัน’ เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใส่ใจ

น้อยคนนักที่จะให้ความสำคัญต่อการเลือกทานอาหารที่ไม่ส่งผลเสีย และทำร้ายอวัยวะในช่องปาก โดยเฉพาะ ‘ฟัน’ และ ‘เหงือก’ ซึ่งมีผลต่อการดำรงชีวิตเช่นกัน เพราะหากไม่ดูแลเป็นอย่างดีแล้ว โรคร้ายต่างๆ ก็จะตามมา เช่น ฟันผุ, เหงือกอักเสบ, คราบหินปูน หรือมีกลิ่นปาก เป็นต้น

ฉะนั้น การดูแลรักษาฟันและเหงือก รวมไปถึงอวัยวะต่างๆ ในช่องปากจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เรามาดูกันว่าอาหารและเครื่องดื่มอะไรบ้าง ที่หากเราทานเข้าไปแล้วจะส่งผลเสียต่อช่องปากเราบ้าง

อาหารและเครื่องดื่มอะไรกันนะที่ทำร้ายฟันของเรา ?
การรักษาสุขภาพฟันสามารถทำได้จากการเลือกทานอาหารและเครื่องดื่มได้ โดยอาหารและเครื่องดื่มที่คุณควรจะงด หรือควรควบคุมปริมาณเพื่อช่วยในการดูแลรักษาสุขภาพฟันก็มีดังต่อไปนี้ค่ะ

ลูกอม

สมัยที่เรายังเป็นเด็ก ‘ลูกอม’ คงเป็นของโปรดของใครหลายๆ คน แต่เราก็มักจะโดนผู้ใหญ่ห้ามไม่ให้ทานอยู่เสมอ เพราะหากทานแล้วไม่ยอมแปรงฟันจะทำให้ฟันผุได้

ลูกอมนั้นมีส่วนประกอบหลักอย่างน้ำตาลที่สามารถทำร้ายฟันของเราได้โดยตรง โดยน้ำตาลจะเข้าไปเกาะติดที่บริเวณผิวฟัน และหากติดเป็นเวลานานจะสร้างฤทธิ์ที่ส่งผลเสียต่อผิวฟัน นอกจากนี้การเคี้ยวลูกอมแข็งๆ จะทำให้เกิดรอยสึกอีกด้วย

ขนมเค้ก

สาวๆ หลายคนแม้จะรู้ว่า ‘ขนมเค้ก’ เป็นตัวการหนึ่งที่อาจจะทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถอดใจไม่ทานของหวานแสนอร่อยนี้ได้ เมื่อเป็นของหวานแน่นอนเลยว่าต้องมีส่วนผสมของน้ำตาล ศัตรูตัวร้ายที่คอยจ้องจะทำร้ายฟันและเหงือกเราตลอดเวลา เมื่อรู้อย่างนี้แล้วสาวๆ คงต้องตัดใจจากขนมหวานชนิดนี้แล้วล่ะค่ะ



พาสต้า

พาสต้า หรืออาหารจำพวกที่มีส่วนประกอบของแป้งอย่างเช่น ข้าว รวมถึงมันฝรั่ง เมื่อทานเข้าไปแล้วมันจะถูกเปลี่ยนจากแป้งให้กลายเป็นน้ำตาลที่จะเข้าไปกัดกร่อนผิวเคลือบฟันของคุณ

น้ำแข็ง

หลายคนชื่นชอบการเคี้ยวน้ำแข็งเป็นชีวิตจิตใจ แต่การเคี้ยวน้ำแข็งบ่อยๆ นั้นจะส่งผลให้ผิวเคลือบฟันของเราแตกได้ ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้เกิดอาการเสียวฟันตามมาแล้ว และอาจทำให้กระทบต่อรากฟันเทียม, ฟันปลอม, หรือเครื่องมือจัดฟันด้วย

เราจึงควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีลักษณะแข็ง หรือการใช้ฟันในลักษณะที่ผิดรูปแบบการใช้งาน เช่น การใช้ฟันในการเปิดฝาขวด เป็นต้น



ข้าวโพด

ข้าวโพดแม้จะไม่มีส่วนผสมที่เป็นฤทธิ์ร้ายต่อฟันของเราโดยตรง แต่วิธีการทานข้าวโพดอย่าง ‘การแทะข้าวโพดแบบฝัก’ อาจส่งผลให้ฟันบิ่น หรือเสียรูปได้ และหากเศษข้าวโพดเข้าไปติดในซอกฟันจนคุณต้องใช้เวลากำจัดเศษเป็นเวลานาน อาจจะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบในภายหลังได้ เราจึงควรเลือกทานข้าวโพดที่แกะหรือฝานแล้วน่าจะดีกว่า

ช็อกโกแลต

สาเหตุที่เด็กๆ หลายคน ฟันผุมาก ก็เนื่องมาจากการทานช็อกโกแลตแล้วไม่ยอมทำความสะอาดช่องปาก แต่การทานช็อกโกแลตแบบแช่แข็งจะยิ่งส่งผลเสียมากกว่านั้น

เพราะจะทำให้ผิวเคลือบฟันของเราแตกได้ ในทางที่ดีเราควรลดปริมาณการทานช็อกโกแลตให้น้อยลงแม้จะทานแบบแช่แข็ง หรือแบบปกติ เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อฟันแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพด้วย

เครื่องดื่มและอาหารที่เป็นกรด

เครื่องดื่มที่เป็นกรดจำพวกน้ำผลไม้ น้ำอัดลม ไวน์ขาว หรือของดอง มักเต็มไปด้วยน้ำตาลและกรดที่ส่งผลร้ายต่อฟันของคุณ เป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้ฟันผุ และปวดฟันมาก คุณจึงควรมองหาเครื่องดื่มประเภทอื่นที่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและฟันอย่าง เช่น ‘น้ำเปล่า’ หรือน้ำผลไม้ที่ไม่ฤทธิ์เป็นกรดและไม่ผสมน้ำตาล



เครื่องดื่มชูกำลัง

แม้เครื่องดื่มชูกำลังจะช่วยคุณในเรื่องความสดชื่น หรือกระปรี้กระเปร่า แต่กลับเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่มากที่สามารถทำร้ายฟันได้

ชา และกาแฟ

ชาและกาแฟมี ‘สารแทนนิน’ (Tannin) ที่จะทำให้เกิดคราบเหลืองติดผิวฟันของคุณไม่น่ามองแล้ว ยังมีน้ำตาลศัตรูตัวฉกาจของฟันอยู่อีกด้วย นอกจากนี้การดื่มชาและกาแฟแบบร้อนจะทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ ปาก เช่น บริเวณเหงือก เพดานเหงือก กระพุ้งแก้ม และลิ้น ซึ่งเนื้อเยื่อเหล่านี้ฟื้นฟูตัวเองได้ช้ามาก และเมื่อถูกทำลายเป็นประจำจนมีชั้นผิวที่บางลงเรื่อยๆ

การงดทานอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันและช่องปาก อาจช่วยให้เราไม่ต้องมาหาวิธีแก้อาการปวดฟัน หรือ โรคร้ายต่างๆ ในภายหลังได้ และเพื่อสุขภาพฟันที่ดีคุณควรไปตรวจสุขภาพฟันที่โรงพยาบาลเป็นประจำด้วย

และหากคุณกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจฟัน หรือค่ารักษาฟัน การทำประกันสุขภาพ หรือการทำประกันทันตกรรมโดยเฉพาะนับเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยคุณประหยัดค่ารักษาพยาบาลต่างๆ หากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาได้อีกด้วย

Cr.https://finance.rabbit.co.th/blog/dental-health